ฟุตบอลไร้พรมแดน อัลบิ เร็กซ์นีงาตะ” ของญี่ปุ่น จึงไปร่วมแข่งในลีกอาชีพของสิงคโปร์

ฟุตบอลไร้พรมแดน

ฟุตบอลไร้พรมแดน มันคือแรงกระตุ้นทั้งหมดที่พวกเขาจะต้องทำในสนาม

ฟุตบอลไร้พรมแดน แชมป์ลีก 4 สมัย ฟุตบอลถ้วย 4 สมัย และเจ้าของสถิติแฟน บอลเฉลี่ยสูงสุดหลายซีซั่น คือเหตุผล
สำคัญที่ทำให้อัลบิ เร็กซ์นีงา ตะได้รับการยกย่องให้เป็น หนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ของลีกอย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่
อัล บิเร็กซ์นี งาตะที่เล่นในญี่ปุ่น แต่เป็นอัลบิ เร็กซ์นีงา ตะสิงคโปร์ ที่โลดแล่นอยู่ใน  วงการลูกหนัง แดนเมอร์ไลออนส์
มากว่าทศวรรษ ฟุตบอล ถือเป็นกีฬาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มันมีจุดเริ่มต้น จากอังกฤษ

ก่อนจะแพร่หลาย ไปทั่วโลกผ่านการ ล่าอาณานิคม และสิงคโปร์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อเกมลูกหนังได้เข้ามา เป็นส่วนหนึ่ง
ของชีวิตพวกเขาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19แม้จะประสบความ สำเร็จอย่างมากมายในสิงคโปร์ แต่สิ่งนี้ก็เหมือนดาบสองคม
เมื่อในอีกด้านหนึ่งความสำเร็จนี้ ทำให้พวกเขา ตกเป็นเป้าโจมตีในฐานะ “สโมสรต่างชาติ” เพราะนอกจากจะไม่สามารถ
ไปแข่งขันในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชียได้ รวมถึงเผชิญกับเสียงต่อ ต้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่มองว่าลีกสิงคโปร์

ฟุตบอลไร้พรมแดน

ควรจะมีเพียงแค่ ทีมสิงคโปร์แล้ว พวกเขายังต้องเผชิญกับ ความไม่แน่นอน ที่วันนึงอาจจะไม่ได้รับ อนุญาตให้ลงแข่งใน
ลีก และอัลบิ เร็กซ์สิงคโปร์ ก็รู้ถึงสถานะของ ตัวเองในจุดนี้ ทำให้นอกจากผลงาน ในสนามแล้ว พวกเขายังพยายามทำ
ให้สโมสรกลมกลืนหรือเป็นทีมท้องถิ่น ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “บางคนไม่อยากให้เราเข้าร่วม เพราะบวกเขาเชื่อว่าลีก
ต้องมีแค่สโมสรสัญชาติสิงคโปร์ ดังนั้นเราจึงต้องแสดง ให้เห็นความรับผิด ชอบต่อชุมชนท้องถิ่นของเรา” โคเรนางะ

กล่าวกับ ในปี 2018อัลบิ เร็กซ์สิงคโปร์ จึงตัดสินใจผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ ด้วยการเหลือนักเตะ ชุดเดิมเอาไว้เพียงแค่ 4
ราย พร้อมกับเซ็นนักเตะสัญชาติสิงคโปร์ มาร่วมทีมถึง 6 คน หลัง ออกกฎใหม่ที่ทุกทีมต้อง ส่งนักเตะท้องถิ่นลงสนาม
ทุกเกมอย่างน้อย 2 คน นอกจากนี้พวกเขายังได้จับมือกับ องค์กรกีฬาที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ในการทำกิจกรรมร่วมกัน
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโรงเรียน สอนฟุตบอลสำหรับเด็ก บริจาคเครื่องมือทางการแพทย์  ดูบอลสด ไปจนถึงตอบแทน
สังคมอย่าง

จัดวันล้างแฟลต หรือแจกข้าวผู้ยากไร้ ในขณะเดียวกัน พวกเขายังได้บริจาคเงิน 1 ดอลลาร์สิงคโปร์

ต่อจำนวนผู้ชมในบ้านของสโมสรให้กับ ที่ทำให้อัลบิ เร็กซ์บริจาคเงินไปแล้วกว่า 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
(ราว 2.2 ล้านบาท) ตลอดหลายปีที่ผ่านมา”พวกเขามีน้ำใจมากในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และความทุ่มเทในการ
ปฏิสัมพันธ์กับชุมชนท้องถิ่น” ลิม ช็อค ซิง ประธาน กล่าวนอกจากนี้พวก เขายังมีโครงการ ที่จะนำนักเตะชาวสิงคโปร์
ฝีเท้าดีไปเล่นกับอัลบิ เร็กซ์นีงา  ตะและเชื่อว่ามีผู้เล่นท้องถิ่นบางคน ดีพอที่ที่จะเล่นในญี่ปุ่น

ด้วยเป้าหมายในการพัฒนาฟุตบอล ของสิงคโปร์ตั้งแต่ระดับรากหญ้า มันคือความพยายามเข้าไปเป็น ส่วนหนึ่งของท้อง
ถิ่นของพวกเขา โดยใช้ฟุตบอลเป็น สะพานเชื่อม และพิสูจน์ให้เห็นว่า “ฟุตบอลไร้พรมแดน” นั้นมีอยู่จริง อย่างน้อย
ก็ในดินแดนเล็ก ๆ บนคาบสมุทรมลายูแห่งนี้ “ผมอยากจะพา พวกเขาไปเจลีก (ถ้าเป็นไปได้) นั่นคือวิธีที่ดีที่สุด”
โคเรนางะกล่าวกับ”เราอยากจะเป็นสะพาน เชื่อมระหว่างสิงคโปร์และญี่ปุ่น” อย่างไรก็ดี

หากผู้เล่นที่ส่งมาที่อัลบิ เร็กซ์สิงคโปร์ ทำผลงานได้ดีใน แดนเมอร์ไลออนส์ พวกเขาอาจจะถูกเรียกตัวกลับไปที่
สโมสรแม่ มันจึงทำให้อัลบิ เร็กซ์นีงา ตะสิงคโปร์ เป็นเหมือนที่ฝึกงาน ของนักเตะเหล่านี้ “โรงเรียนสอนฟุตบอล
ที่ญี่ปุ่น จะส่งรายชื่อนักเตะมาให้เรา และเราก็เลือกมาเข้าทีม ทั้งจากทดสอบฝีเท้าและรายชื่อหยูอธิบาย “ผู้เล่นที่
เราเลือกรู้ว่าถ้าพวกเขาทำผลงานได้ดีในเอสลีก มันอาจจะเป็นทางให้ ฟุตบอลไร้พรมแดน

ฟุตบอลไร้พรมแดน

พวกเขาได้รับข้อเสนอจาก สโมสรอื่นในภูมิภาค หรือได้กลับไปเล่นในเจลีก หรือในยุโรป เหมือนกับอดีตผู้เล่นบาง
คนของเราที่เคยทำได้” “ดังนั้นมันคือแรงกระตุ้นทั้งหมด ที่พวกเขาจะต้องทำในสนาม” และมันก็เป็นเหตุผลที่ทำ
ให้พวกเขาไม่ได้มาเล่น ๆ สโมสรที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ลีก อาชีพสิงคโปร์ในช่วง เริ่มต้นของการลงเล่นใน
สิงคโปร์อัล บิเร็กซ์สิงค โปร์เป็นเพียงแค่ทีม กลางตาราง

พวกเขาไม่เคยไปไกลกว่าอันดับ 5 จากทั้งหมด 10-12 ทีมในลีก นอกจากนี้ปัญหานอก สนามก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน
เมื่อพวกเขาต้องประสบ ปัญหาขาดทุนเป็นเงินสูงถึง 530,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี (ราว 11 ล้านบาท)
อันเนื่องมาจากการพึ่งพาเงิน ทุนจากสโมสรแม่เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ดี การมาถึงของ ไดซุเกะ โคเรนางะ
ที่เข้ามานั่ง เป็นประธาน สโมสรของทีมตั้งแต่ปี 2008 ก็ได้เปลี่ยน โฉมหน้าของอัลบิ เร็กซ์สิงคโปร์ ไปตลอด
กาล ดินแดนสายควันกีฬาแกลิค